แม้ว่าจะเปลี่ยนเรื่องไปเยอะจากเวอร์ชั่นก่อน แม้ว่าทรายเวอร์ชั่นนี้จะดูเหมือนตัวร้ายมากไปหน่อย
แต่ก็ยอมรับว่าผู้สร้างละคร "ทรายสีเพลิง" เวอร์ชั่นนี้ก็พยายามจะให้สิ่งดีๆกับสังคมอยู่ไม่ใช่น้อย
แน่นอนว่าแนวคิดหลักของเรื่องอยู่ที่ว่าการอาฆาตพยาบาทไม่เคยให้ประโยชน์ที่แท้จริงกับใคร
แต่ในละครเรื่องนี้แง่คิดอื่นๆที่แฝงอยู่อีกนะ
ข้อความที่มาจากหนังสือคาลิล ยิบรานที่ลูกศรอ่าน มันมีความหมายเยอะทีเดียว
ความรักไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากตัวมันเอง และไม่รับเอาสิ่งอื่นใดนอกจากตัวมันเอง
ความรักไม่ครอบรองและไม่ยอมให้ถูกครอบครอง
เพราะความรักนั้นเพียงพอแล้วที่จะตอบแทนความรัก
Love gives nothing but itself and takes nothing but from itself.
Love does not possess, and would not be possessed.
For love is sufficient unto love. ("The Prophet" Kalil Gibran)
หลายคนอาจมองว่าลูกศรเป็นผู้หญิงแนวโลกสวย โง่ เชื่อคนง่าย แต่ชีวิตของเธอคือตัวแทนของปรัชญาที่อยู่ด้านบนเป็นอย่างดี หากผู้หญิงคนนี้มีตัวตนจริงในโลก และถ้าหากเรื่องราวในชีวิตของเธอต้องจบลงด้วยความตายจากอุบัติเหตุนั้นจริงๆ แม้ว่าอาจจะดูเศร้า แต่อย่าลืมว่าผู้หญิงคนนี้ได้ใช้ชีวิตทั้งหมดไปอย่างไม่น่าเสียดายเลย เธอ "ให้" คนที่เธอรักไปเรื่อยๆ ให้อภัยและมองข้ามความผิดของคนอื่นไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้คาดหวังอะไรจากใคร เป็นเหมือนต้นไม้ที่เธอใหฌาน ต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลมากก็อยู่ได้ เธอไม่ได้คาดหวังความรักตอบด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่ขอให้ได้รัก ได้ทำสิ่งที่ดีๆให้กับคนที่เธอรัก ได้คอยอยู่เคียงข้างคนที่เธอรัก ผลที่ออกมาก็ชัดเจนอยู่ ในที่สุดความรักก็ได้เข้าไปสู่หัวใจของคนอื่นๆทุกคนที่เธอได้รัก ฌานเปลี่ยนใจมารักเธอ แม้แต่ทรายที่หัวใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่พอเธอรับรู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไปกับผู้หญิงจิตใจดีที่มีแต่รักและเชื่อใจเธอตลอดมาคนนี้ เธอก็สำนึกผิดได้ในที่สุด ตัดสินใจที่จะเลิกสะสมความเกลียดชังในหัวใจได้ในที่สุด ทั้งชีวิตและแม้กระทั่งความตายของลูกศร ได้มอบสิ่งดีๆมากมายให้กับคนรอบตัวของเธอ จริงอยู่ ลูกศรดูเหมือนตัวละครในอุดมคติที่อาจหายากสักนิดในโลกทุกวันนี้ แต่มันก็เป็นการยืนยันถึงพลังของความรักแท้จากหัวใจที่ดีงาม ซึ่งเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรลืม
ความรักคือการ "ให้" คนอื่น ไม่ว่าจะด้วยการทำสิ่งดีๆให้กับคนอื่นโดยที่ไม่คำนึงถึงตนเอง รวมถึงการ "ให้อภัย" คำพูดจากลมปาก หรือคำสัญญาที่หวานซึ่ง หรือความโรแมนติกใดๆ มันไม่ใช่ความรัก และมันไม่สามารถดึงหัวใจของใครไว้ได้อย่างแท้จริง
อีกอย่างหนึ่งที่น่าคิด ชีวิตของคนบางคนก็มีมรสุมซ้ำเติมได้อย่างน่าช้ำใจ ตลอดชีวิตของฌาน ดูเหมือนจะมีคนที่รักเขาจริงเพียงแค่สองคน คือพ่อของเขากับลูกศร และทั้งสองก็ล้วนด่วนจากเขาไป เขาโดนหลอกลวงจากคนหลายคน ถูกหักหลังโดยผู้เป็นแม่ และจากผู้หญิงที่เขารักและไว้ใจมาหลายปี ถ้าผู้ชายคนนี้มีตัวตนอยู่จริง และชีวิตของเขาเป็นเช่นนี้จริงๆ ต้องยอมรับว่าบทเรียนที่เขาต้องเอาชนะและต้องผ่านมันไปให้ได้นั้นสุดยากหิน แต่ถ้าเขาสามารถยกโทษให้กับทราย หลังจากที่ทรายทำให้เขาต้องสูญเสียผู้หญิงเพียงคนเดียวที่รักเขาอย่างจริงใจ ถ้าเขาระลึกถึงถ้อยคำของลูกศรที่เคยบอกให้เขาให้อภัยกับทุกคน เชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะมีหัวใจที่แข็งแกร่ง งดงาม และจะได้พบกับสิ่งดีงามในชีวิตหลังจากที่เวรกรรมจากอดีตของเขาได้ผ่านพ้นไป
และประการสุดท้าย กว่าที่คนบางคนจะคิดได้ว่าตนเองผิด ความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว แม่ของทรายคิดให้อภัยได้เมื่อชีวิตของเธอเริ่มสูงวัยขึ้น แต่เธอก็ได้ใส่พิษร้ายแห่งความอาฆาตแค้นลงในจิตใจของลูกสาวของเธอไปแล้ว ทรายเองก็สำนึกผิดได้ เมื่อลูกศรได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่มาคิดดูดีๆนะ คิดได้ สำนึกผิดได้ แม้ว่าจะสายไป ก็ยังดีกว่าไม่เคยสำนึกผิดเลยจริงไหม
เชื่อว่าโลกเราก็มีมนุษย์จำนวนมากมายที่เป็นแบบนี้ล่ะ เต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายมากมายและทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย แต่พวกเขาก็มีโอกาสสำนึกผิดได้ในวันหนึ่งจริงไหม มนุษย์นั้นไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ขอให้เราให้อภัยกันและกันเถอะนะ เชื่อว่าโลกเราจะดีขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลา
ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะมองว่าเป็นคน "โลกสวย" เพราะถ้าหากเราไม่เชื่อมั่นในความงดงามที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย ถ้าหากเราเอาแต่มองโลกใบนี้ว่าเต็มไปด้วยสิ่งเลวร้ายและเป็นสีเทา เราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นมาได้เลย ผู้คนในประวัติศาสตร์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ให้กับโลกนี้ ล้วนแต่เชื่อมั่นว่า "โลกเราสามารถสวยงามขึ้นกว่าเดิมได้" ทั้งนั้นล่ะ
No comments:
Post a Comment