Monday, 26 March 2012

ข้อคิดจากรายการ The Star



ดูมันทุกปี ติดหนึบ แกะไม่ออกสักที แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรียนรู้อะไรดีๆได้บ้างนะ

(1) ใครจะอยู่ หรือใครจะออก ความสามารถในการร้องและแสดงบนเวทีเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง  เชื่อว่ามันอยู่ที่ประชาชน "ชอบคนๆนั้น" หรือเปล่า เท่าที่สังเกตนะคะ คนไทยเราไม่ชอบคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป ชอบคนที่อ่อนน้อม พยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก ดูจริงใจไม่สร้างภาพ สู้ชีวิต กตัญญู สังเกตได้จากคนที่ได้เดอะสตาร์ทุกคน อย่างกัน แก้ม ตูมตาม สิงโต  ทุกคนมีคุณสมบัติเหล่านี้ทั้งนั้น ส่วนเรื่องของเสน่ห์ดึงดูดใจก็เป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือถ้าหน้าตาดีและโปรยเสน่ห์บนเวทีเก่งก็จะมีโอกาสอยู่รอดได้นาน ส่วนเรื่องความสามารถด้านการร้องเต้น ต้องโดดเด่นมากๆถึงจะมีผล จะเห็นได้ว่าทุกปีจะมีบางคนที่ใครๆก็บอกว่าความสามารถไม่ค่อยดี แต่ทำไมอยู่นานจัง ไม่ตกรอบเสียที คำตอบก็คือเพราะผู้คนเขายัง "ชอบคนๆนั้น"
             และฉันก็สังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าใครเผลอพูดแสดงความดีใจที่ได้คะแนนโหวตสูง ใครเผลอแสดงความมั่นใจหรือความปรารถนาที่จะเป็นเดอะสตาร์มากเกินไปออกมา คะแนนของเขาในวิคถัดไปก็จะตกฮวบทันที คนไทยเราส่วนใหญ่ยังคงชอบความสุภาพถ่อมตนมากกว่าความมั่นใจแบบเต็มเปี่ยม
             สิ่งนี้ก็สะท้อนบางอย่างในโลกความเป็นจริง ฉันว่าความสามารถอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนชื่นชมยกย่อง  ความสามารถอาจเป็นกุญแจเปิดประตูหลายๆอย่างได้ แต่ไม่อาจเป็นตัวการันตีได้ว่าคนอื่นๆจะชอบคุณ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีทั้งความสามารถและมีทั้งบุคลิกลักษณะอันเป็นที่รักของคนหมู่มากด้วยแล้ว ไปได้ไกลอย่างแน่นอน

(2) ฉันว่าคนที่ตกรอบต้นๆ ความจริงก็มีความโชคดีอยู่หลายอย่าง เขาจะได้รู้จักความจริงของชีวิตมากขึ้น ลาภ ยศ สรรเสริญ มีขึ้นก็มีลง วันหนึ่งคนชื่นชมเรามากมาย อีกวันหนึ่งเขาอาจด่าเราก็ได้ เขาได้ออกจากบ้านเดอะสตาร์โดยที่ยังมีรอยยิ้มของเพื่อนจำนวนมากมายืนส่ง ไม่ต้องอดทนอยู่กับแรงกดดันจากการเห็นเพื่อนที่รักจากไปสัปดาห์ละคนๆ บ้านที่เหงาขึ้นเรื่อยๆ และโจทย์เพลงที่ยากขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพที่แย่ลงเรื่อยๆจากแรงกดดัน ความเครียด และการซ้อมหนัก เขาได้กลับออกมาเจออ้อมกอดที่อบอุ่นของครอบครัว ผู้คนที่แสดงให้เห็นว่าถึงเขาจะไปไม่ถึงฝันแต่ก็ยังรักเขาอย่างจริงใจ ที่สำคัญมากๆ ก็คือ "ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับความผิดหวัง"  สิ่งนี้สำคัญจริงๆ คนที่เราต้องได้เรียนรู้ที่จะผิดหวังบ้าง ถึงจะเข้มแข็งพอที่จะอยู่ได้ในโลกของความเป็นจริง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ "เขาจะไม่หลงตัวเอง" เขาจะตระหนักว่าในโลกนี้ก็ย่อมมีคนที่เก่งกว่าเขาอยู่บ้าง เขาจะได้ไม่หลงว่าตนเองนั้นพิเศษกว่าคนอื่นมากมาย  บทเรียนชีวิตจากการได้รับคำพูดที่ว่า "เสียใจด้วยครับคุณไม่ได้ไปต่อ" เป็นสิ่งที่มีค่ามาก เพราะ ณ จุดนั้นแม้จะเจ็บปวด แต่มันก็จะทำให้เขารู้จักโลก รู้จักชีวิตมากขึ้นจริงๆ ฉันเชื่อหลายคนที่ไม่ได้เป็นเดอะสตาร์ ก็สามารถมีอาชีพการงานบนเส้นทางบันเทิงที่ดีได้ การได้หรือไม่ได้เดอะสตาร์ไม่ใช่ตัวตัดสินความรุ่งโรจน์ของอนาคตสักนิดเลย มันขึ้นอยู่กับการกระทำและการวางตัวของคนๆนั้นเองหลังจากออกมาจากบ้านเดอะสตาร์ด้วย ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมายว่าหลายครั้งคนที่ไม่ได้เป็นเดอะสตาร์กลับมีงานมาก โด่งดัง และอยู่ในวงการได้นาน

(3) รายการอย่างเดอะสตาร์ ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เหมือนกับทุกสิ่งบนโลกนี้ ถ้าเราดูอย่างพอประมาณ หรือถ้าจะโหวตก็ไม่ต้องทุ่มเงินทุ่มเวลาจนเกินตัว ดูไปก็เรียนรู้ชีวิตไปจากการเฝ้าดูผู้เข้าแข่งขัน เรียนรู้ความไม่แน่นอนของโลก เรียนรู้ความหมายของมิตรภาพและความจริงใจ เรียนรู้ว่าชีวิตของคนบางคนเขาลำบากกว่าเราแต่เขากลับใช้ชีวิตมีค่ากว่าเรา เรียนรู้ความตั้งใจมุ่งมั่นของผู้เข้าแข่งขันที่พยายามพัฒนาปรับปรุงตนเอง เรียนรู้ความเข้มแข็งของคนที่ต้องเผชิญความผิดหวัง เราก็จะได้ประโยชน์ดีๆจากรายการ แต่ถ้าเขาเอาแต่ดูเพื่อความบันเทิงหรือความสะใจกับการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ทุ่มเทเงินไปโหวตคนที่ตั้วเองกรี๊ดทั้งๆที่รายได้ของตัวเองก็ยังไม่มี หรือใช้เวลาหมดไปกับการติดตามรายการเยอะจนมันเบียดบังเวลาของสิ่งอื่นที่สำคัญในชีวิตเช่นงานหรือเวลาที่จะใช้กับครอบครัวมิตรสหาย รายการนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ส่งผลลบกับชีวิต
              (ข้อความหลังนี้ ฉันพูดเพื่อเตือนสติตัวเองด้วยล่ะ ช่วงนี้ติดรายการจนงอมแงม เฮ้อ >_<  )

No comments:

Post a Comment